[คำแปล] ถ้อยแถลงของไทยในการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๘๐

(คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ)

ถ้อยแถลงของนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

ในการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๘๐

ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก

๒๗ กันยายน ๒๕๖๘

ท่านประธานสมัชชาฯ

ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย

คณะผู้แทนที่เคารพ

๑. ก่อนอื่น ผมขอแสดงความยินดีต่อการเข้ารับหน้าที่ประธานสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ ๘๐ ของประธานสมัชชาฯ

๒. แม้ผมจะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญต่อการมอบหมายให้ผมเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้สำคัญยิ่ง เนื่องจากการครบรอบ ๘๐ ปีของสหประชาชาติ เป็นช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญความท้าทายสำคัญ

๓. ผมขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของประเทศไทยต่อระบอบพหุภาคี

๔. ไม่ต้องสงสัยเลยว่า โลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติก็ต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างแท้จริง สหประชาชาติจะต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป

๕. ประเทศไทยก็ยืนอยู่บนเส้นทางของช่วงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญเช่นกัน โดยกำลังเผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศ ซึ่งเราไม่สามารถเสียเวลาต่อไปได้อีก วิสัยทัศน์ของเรานั้นกว้างไกลกว่าชายแดน เรามองสู่โลกกว้าง เพราะเรามีความปรารถนาเช่นเดียวกับทุกประเทศที่จะเห็นโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และครอบคลุม

๖. ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ ที่จะสร้างสหประชาชาติให้เป็นองค์กรที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการมอบสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคนอย่างแท้จริง

ท่านประธานสมัชชาฯ

๗. หัวข้อของการอภิปรายทั่วไปของปีนี้ — “น้ำหนึ่งใจเดียวกัน” — ย้ำเตือนเราว่า สหประชาชาติจะเข้มแข็งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นประชาคมหนึ่งเดียว

๘. ประการแรก เราต้องรวมตัวเป็นประชาคมหนึ่งเดียว

๙. แปดสิบปีก่อน ประเทศต่าง ๆ ได้ร่วมกันรับรองกฎบัตรสหประชาชาติที่เปี่ยมด้วยความหวังต่อสันติภาพ แต่ในวันนี้ เรากลับยังคงต้องเผชิญกับการแบ่งแยกที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งจากนโยบายกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่ละเว้นประเทศไหน

๑๐. สงครามในยูเครนซึ่งยืดเยื้อมาถึงปีที่สาม ยังคงสร้างความทุกข์ทรมานและความเสียหาย เช่นเดียวกับความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัสในกาซา ที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็ก ได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรงที่สุด นั้นได้สร้างความเศร้าสลดต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเราอย่างยิ่ง อันเป็นเครื่องเตือนใจว่า เมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความสูญเสียจะไม่ได้ตกอยู่กับประเทศต่าง ๆ เพียงเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนธรรมดาที่ชีวิตต้องถูกทำลาย

๑๑. ในการเป็นประชาคมหนึ่งเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีส่วนรับผิดชอบในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก

๑๒. ความรับผิดชอบนี้จะต้องครอบคลุมทุกคน พหุภาคีนิยมจะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเมื่อสตรีเมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะในภารกิจรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและการเป็นผู้นำของสตรีเหล่านั้นได้สร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนของเรา และทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ผมจึงมั่นใจว่าการที่ท่านประธานสมัชชาฯ ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้นำของสมัชชาแห่งนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราทุกคนขับเคลื่อนวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ยิ่งขึ้น

๑๓. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ในส่วนของเรา โดยกองกำลังรักษาสันติภาพของไทยได้ปฏิบัติหน้าที่ในทุกมุมโลก เพื่อช่วยฟื้นฟูวิถีชีวิตของผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง

๑๔. ภายในประเทศ ไทยได้ดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ปนเปื้อนแล้วกว่าร้อยละ ๙๙ ซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โดยการดำเนินการของไทยไม่ได้เป็นเพราะต้องปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาฯ แต่เป็นการคืนพื้นที่ให้แก่ชุมชน เพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตและเติบโต โดยเป็นการทำตามหน้าที่ของเราที่มีต่อประชาชน

๑๕. การปกป้องผู้คนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจที่ต้องกระทำ เรายังคงต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ อาทิ การโยกย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้โดยลำพัง

๑๖. ประเด็นเหล่านี้เป็นภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมามาเป็นเวลากว่าสี่ทศวรรษ และปัจจุบัน เราได้เพิ่มโอกาสให้แก่พวกเขาโดยอนุญาตให้ทำงานนอกพื้นที่พักพิงชั่วคราว เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี และมีส่วนสร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคม การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยในด้านการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

๑๗. ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยได้ยกระดับความพยายามในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรวมถึงการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งได้ส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยอาชญากรรมที่ไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดนด้วยเช่นกัน

๑๘. วิสัยทัศน์ของการเป็นประชาคมหนึ่งเดียวกันต้องเริ่มต้นจากเรื่องใกล้ตัว ภูมิภาคต่าง ๆ เป็นรากฐานสำคัญของประชาคมโลก โดยในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างประชาคมระหว่างประเทศภายใต้อาเซียน

๑๙. อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงมีอยู่ระหว่างเพื่อนบ้านด้วยกัน สถานการณ์ในเมียนมายังคงน่าห่วงกังวลอย่างยิ่ง โดยประเทศไทยได้ทำหน้าที่ของเรา ด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และยังคงสนับสนุนให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการเจรจาและมุ่งสู่กระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมา

๒๐. แม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ความขัดแย้งระหว่างกันก็สามารถเกิดขึ้นได้ โดยต้องยอมรับว่าสถานการณ์กับกัมพูชาในปัจจุบัน ไม่ได้เป็นที่พึงประสงค์หรือเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย โดยสันติภาพ ความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองของเราล้วนมีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างใกล้ชิด เราไม่อาจแยกออกจากกันได้ เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน

๒๑. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจที่จะกล่าวในประเด็นที่ต่างจากนี้และในเชิงบวกที่สะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมจำเป็นแก้ไขถ้อยแถลงนี้ใหม่ เพราะคำกล่าวที่น่าผิดหวังโดยเพื่อนกัมพูชาของผม เป็นที่น่าเสียใจว่า กัมพูชายังคงสร้างภาพให้ตนเป็นผู้ถูกกระทำ กัมพูชาได้ให้ข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนที่ไม่สามารถยืนยันได้เมื่อถูกตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งก็เป็นเพราะว่าสิ่งที่กล่าวเป็นการบิดเบือนความจริง

๒๒. เราต่างรู้ว่าใครคือผู้ถูกกระทำที่แท้จริง ผู้ถูกกระทำที่แท้จริงคือ ทหารไทยที่ต้องสูญเสียขาจากทุ่นระเบิด คือเด็ก ๆ ที่โรงเรียนถูกโจมตี และประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังจับจ่ายซื้อของในวันนั้นที่ร้านสะดวกซื้อที่ถูกโจมตีจากจรวดของฝ่ายกัมพูชา

๒๓. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนกัมพูชาที่สหประชาชาติแห่งนี้ เราได้พูดคุยกันในเรื่องสันติภาพ การเจรจา ความไว้ใจ และความเชื่อมั่น ประเด็นเหล่านี้ได้รับการยืนยันในการหารืออย่างไม่เป็นทางการสี่ฝ่าย จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราขอขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์สำหรับความมุ่งมั่นต่อสันติภาพของท่าน

๒๔. แต่เป็นที่น่าเสียใจว่า คำกล่าวของกัมพูชาในวันนี้ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับคำกล่าวในการหารือเมื่อวาน โดยคำกล่าวของกัมพูชาได้แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่แท้จริงของเขา คำกล่าวหาของกัมพูชานั้นเป็นสิ่งที่คลาดเคลื่อนอย่างมาก จนทำให้ความจริงดูเหมือนเป็นเรื่องตลก

๒๕. ตั้งแต่เริ่มแรก กัมพูชาเป็นผู้ริเริ่มความขัดแย้ง ด้วยความตั้งใจที่จะขยายข้อพิพาทชายแดนไปสู่ความขัดแย้งระดับชาติ และทำให้เป็นประเด็นระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันนี้

๒๖. หมู่บ้านที่กัมพูชาอ้างถึงในคำกล่าวก่อนหน้านี้ ตั้งอยู่ในเขตแดนของประเทศไทย โดยตามข้อเท็จจริง หมู่บ้านเหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรมที่จะเปิดชายแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 เพื่อให้ประชาชนหลายแสนคนได้หลบหนีจากสงครามกลางเมืองและมีที่พักพิงในประเทศไทย เราได้ตัดสินใจบนหลักการของความเมตตาและมนุษยธรรม ผมได้เห็นภาพดังกล่าวด้วยตนเองเมื่อครั้งผมยังเป็นนักการทูตผู้น้อย

๒๗. แม้ว่าสงครามกลางเมืองได้สิ้นสุด และที่พักพิงได้ปิดตัวลง แต่หมู่บ้านของกัมพูชายังคงขยายขอบเขตตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้ว่าประเทศไทยได้พยายามที่จะประท้วงอย่างต่อเนื่อง แต่ฝ่ายกัมพูชายังคงเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องที่จะจัดการกับปัญหาการบุกรุกดังกล่าว

๒๘. เมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาภายหลังจากข้อตกลงสันติภาพปารีส ค.ศ. 1991 ประเทศไทยได้ช่วยสร้างและฟื้นฟูให้กัมพูชาสามารถรักษาสันติภาพของชาติตนได้ เราได้ช่วยสร้างบ้านเรือน ถนน และโรงพยาบาล เพราะว่าสันติภาพของกัมพูชานั้นเป็นผลประโยชน์ของไทยด้วยเช่นกัน และนี่คือสิ่งที่ประเทศเพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน

ท่านประธานสมัชชาฯ

๒๙. ข้อตกลงหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราจำเป็นต้องทำให้ข้อตกลงนี้เกิดผล ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย

๓๐. เป็นที่น่าเสียใจว่า กัมพูชายังคงยั่วยุอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการระดมพลเรือนเข้ามาในเขตแดนของไทย และยิงเข้ามาทางฝั่งของเรา ถือเป็นการบ่อนทำลายสันติภาพและความมั่นคงตามแนวชายแดน ผมหมายความถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๘ ที่กองกำลังกัมพูชาได้ยิงใส่กองกำลังไทยที่ประจำอยู่บริเวณชายแดน โดยเหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นในวันนี้ กองกำลังไทยยังได้ตรวจพบโดรนลาดตระเวนของฝ่ายกัมพูชาที่บุกรุกเข้ามาดินแดนไทยทุกวันบริเวณชายแดน การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่ได้เห็นชอบร่วมกันในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา มาเลเซีย และได้รับการยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับทวิภาคี

๓๑. โปรดอย่าได้มีข้อสงสัยต่อการยืดหยัดเพื่อสันติภาพของไทย และไทยจะดำเนินการทุกวิถีทางที่สามารถกระทำได้ เพื่อหาทางออกโดยสันติต่อปัญหากับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ไทยจะยังคงยืนหยัดเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพของดินแดนของเรา โดยเราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราเพื่อแก้ไขความแตกต่างผ่านการหารือโดยสันติและกลไกที่มีอยู่

๓๒. ในวันนี้ ประเทศของเราทั้งสองต้องตัดสินใจเลือกเส้นทาง ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนบ้านและมิตรกัน ประเทศไทยขอถามกัมพูชาว่า จะเลือกเส้นทางใด เส้นทางของการเผชิญหน้า หรือเส้นทางของสันติภาพและความร่วมมือ

๓๓. ประเทศไทยขอเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับ แต่เราก็ยังมีข้อสงสัยว่า กัมพูชาตั้งใจที่จะร่วมมือกับเราในการมุ่งสู่สันติภาพหรือไม่

๓๔. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความสุจริตใจ ไม่ใช่เพียงคำพูด แต่คือหนทางในการเดินต่อไปภายหน้า เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการดำเนินความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนต่าง ๆ ทั้งในอาเซียนและนอกเหนือออกไป รวมถึงมหาอำนาจต่าง ๆ เพื่อมุ่งสู่การมีสันติภาพที่ยั่งยืนและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน

๓๕. การกล่าวถึงการเป็นประชาคมหนึ่งเดียวกัน เป็นการย้ำว่า เราต่างผูกพันกันด้วยหลักการร่วมกันที่ว่า ทุกคนเกิดมาอย่างเสรีและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ

๓๖. ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน วาระปี ค.ศ. 2025–2027 และประธานคณะกรรมการ ๓ ของสมัชชาสหประชาชาติ เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนของทุกคน

๓๗. สำหรับเรา ความมุ่งมั่นนี้ไม่ใช่เพียงเพราะการได้เป็นสมาชิกในเวทีเหล่านั้น แต่เป็นความมุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ต้องเผชิญกับความขัดแย้ง ผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่กับความพิการ และผู้ที่มักถูกละเลยหรือถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

๓๘. การส่งเสริมสิทธิของสตรีและเด็กหญิง เป็นหัวใจสำคัญของความพยายามครั้งนี้ด้วยเช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม และการรอดพ้นจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติ มิใช่เพียงสิทธิของมนุษย์เท่านั้น แต่คือรากฐานของสังคมที่เป็นธรรม และสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง

๓๙. สุขภาพเป็นอีกหนึ่งสิทธิขั้นพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่ง การรับประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ใช่เพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่คือการมอบโอกาสให้ทุกคนได้มีชีวิตที่เปี่ยมด้วยศักดิ์ศรีและความมั่นคง

๔๐. ด้วยเหตุผลนี้ ประเทศไทยจึงเป็นผู้นำในเรื่องสิทธิทางสุขภาพ ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นลำดับแรก เพื่อไม่ให้มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือเพื่อการเติบโต

๔๑. ประเทศไทยยังได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และการเตรียมความพร้อมรับมือกับโรคระบาด ซึ่งรวมถึงความตกลงว่าด้วยการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าการระบาดใหญ่ครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และเราจะพร้อมรับมือได้ก็ต่อเมื่อเราได้เตรียมความพร้อมและร่วมมือกัน

ท่านประธานสมัชชาฯ

๔๒. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่อาจดำรงอยู่ได้ หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน ถึงกระนั้น การพัฒนาในปัจจุบันยังคงถูกคุกคามจากการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจสร้างประโยชน์ในระยะสั้น แต่กลับทำร้ายเราในระยะยาว และแบ่งแยกเราในยามที่เราต้องการความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างที่สุด

๔๓. ประเทศไทยเชื่อมั่นว่า ความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษี แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ

๔๔. หนทางข้างหน้าของเราคือ การค้าที่เปิดกว้างและเป็นธรรม ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนมิได้หมายถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของค่านิยมที่เรายึดถือ และการสร้างสมดุลที่เหมาะสมระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์

๔๕. ด้วยเหตุนี้ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอเพียง จึงเป็นสิ่งนำทางการพัฒนาของประเทศไทย ปรัชญานี้ย้ำเตือนเราว่า ความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน ควบคู่ไปกับการปกป้องโลก

๔๖. โดยที่เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีเท่านั้นในการที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราจึงต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และต่อสู้กับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงฉุดรั้งอนาคตร่วมกันของเรา

๔๗. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่า โลกใบนี้คือหัวใจหลักของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ของพวกเรา กำลังทำให้ช่องว่างระหว่างผู้ที่มีและผู้ที่ไม่มี ยิ่งกว้างขึ้น หากปราศจากการสนับสนุนอย่างเต็มที่แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา

คำมั่นเดียวกัน

ท่านประธานสมัชชาฯ

๔๘. เนื่องในโอกาสที่สหประชาชาติมีอายุครบ ๘๐ ปี ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การมาร่วมกันภายใต้คำมั่นเดียวกัน

๔๙. เราทุกคนผูกพันกับอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การสานต่อคำมั่นภายใต้ระบบพหุภาคีไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป

๕๐. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติ ล้วนเต็มไปด้วยคำสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติตาม คำมั่นที่ไม่ได้รับการตอบรับนั้นบั่นทอนความน่าเชื่อถือ และทำลายความไว้วางใจระหว่างกัน หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นหัวใจสำคัญของระบอบพหุภาคี เราไม่อาจปล่อยให้วัฏจักรนี้ดำเนินซ้ำไปเช่นเดิม

๕๑. นั่นคือเหตุผลที่เอกสาร “คำมั่นเพื่ออนาคต” ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องเป็นต้นแบบของการปฏิบัติ เพื่อสร้างความก้าวหน้าอย่างแท้จริง ประเทศต่าง ๆ จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับคำมั่นที่ให้ไว้

๕๒. แต่การที่สหประชาชาติจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามอาณัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ สหประชาชาติจำเป็นที่จะต้องได้รับทรัพยากรที่ต้องการ รัฐสมาชิกทุกประเทศจะต้องปฏิบัติตามคำมั่นทางการเงินของตน เพื่อให้สหประชาชาติยังสามารถทำหน้าที่ขับเคลื่อนวาระด้านสันติภาพและการพัฒนาได้

อนาคตเดียวกัน

ท่านประธานสมัชชาฯ

๕๓. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะปรับปรุง ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจะต้องดำเนินการโดยมุ่งไปสู่การมีอนาคตเดียวกัน

๕๔. เพื่อให้สหประชาชาตินำเราไปสู่อนาคตที่เราต้องการ การปฏิรูปสหประชาชาติอย่างครอบคลุม ซึ่งรวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง สหประชาชาติจะต้องเพิ่มการมีส่วนร่วม เพิ่มความโปร่งใส เพิ่มความรับผิดชอบ และต้องเหมาะสมกับอนาคต ด้วยการเป็นเอกภาพในการลงมือทำ มีความเกี่ยวเนื่องกับผู้คน และการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลง

๕๕. ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยสนับสนุนข้อริเริ่ม UN80 ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของการปิดช่องว่างทางการเงินเท่านั้น แต่เป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้สหประชาชาติกลับมาเชื่อมโยงกับประชาชน ซึ่งเป็นผู้ที่สหประชาชาติรับใช้

๕๖. แต่ในขณะที่เราสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของสหประชาชาติด้วยเช่นกัน ระบบพหุภาคีนั้นใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง ระบบพหุภาคีจะเจริญรุ่งเรืองได้ ก็ต่อเมื่อมีรากฐานมาจากระบบภูมิภาคที่เข้มแข็ง องค์กรระดับภูมิภาคคือผู้ตอบสนองต่อวิกฤติต่าง ๆ เป็นลำดับแรก คือผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างคำมั่นระดับโลกและความเป็นจริงในพื้นที่

๕๗. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน–สหประชาชาติ ครั้งที่ ๑๕ ในเดือนหน้า จะแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนหลักการร่วมกันให้เป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก

๕๘. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นไกลเกินกว่ายุคของเรา ด้วยเหตุนี้ เราต้องยอมรับถึงพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ ๓๐ ปี แผนปฏิบัติการโลกว่าด้วยเยาวชน ประเทศไทยขอย้ำความมุ่งมั่นที่จะเสริมพลังให้แก่เยาวชน ลงทุนเพื่อศักยภาพของพวกเขา และให้โอกาสในการเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

๕๙. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยจึงมีความภูมิใจที่มีผู้แทนเยาวชนรวมเป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ซึ่งผู้แทนเหล่านั้นจะได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของอนาคตที่พวกเขามุ่งหวัง

๖๐. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงควรได้สร้างอนาคตด้วยตนเอง


ท่านประธานสมัชชาฯ

ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย

คณะผู้แทนที่เคารพ


๖๑. ในวาระครบรอบ ๘๐ ปี สหประชาชาติจะต้องสมกับนามที่ตั้งไว้ นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดอย่างเป็นเอกภาพ เรามารวมตัวกันที่นี่ ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จที่ผ่านมาเท่านั้น แต่เพื่อมองไปยังอนาคตข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถจะบรรลุร่วมกันได้อีก

๖๒. บทเรียนจากแปดสิบปีนั้นชัดเจน เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราเป็นประชาคมหนึ่งเดียวกัน มีคำมั่นเดียวกัน และร่วมกันสร้างอนาคตเดียวกัน ซึ่งเป็นความหมายที่แท้จริงของคำว่า “เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”

๖๓. ประเทศไทยขอให้คำมั่นว่าจะทำหน้าที่ของเรา แต่อยิ่งไปกว่านั้น เราขอท้าทายตัวเราเองและมิตรประเทศ ณ ที่นี้ ที่จะเปลี่ยนคำพูดเป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีต่อไปข้างหน้านั้นดีกว่าที่ผ่านมา


ขอบคุณครับ

 

ที่มา กระทรวงการต่างประเทศ

https://www.mfa.go.th/th/content/translationthstatement?cate=5d5bcb4e15e39c3060006847

ความคิดเห็น

สงวนลิขสิทธิ์ 2022 โดย กรมประชาสัมพันธ์
สถิติการเข้าชม : 105,487,558