การแถลงข่าวศูนย์เฉพาะกิจฯ ชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 1 ส.ค. 2568 เวลา 18.00 น.
วัตถุประสงค์ของการลงพื้นที่
• ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศที่ดูแลคณะทูตและสื่อมวลชนต่างประเทศที่มาเข้าร่วมการลงพื้นที่ในครั้งนี้ เรามีความตั้งใจที่จะให้ให้ข้อเท็จจริงจากการลงพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่รับทราบแก่สาธารณชนอย่างกว้างขวางที่สุด โดยทั้งสื่อไทยและสื่อต่างประเทศจะเป็นช่องทางสำคัญที่จะช่วยเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้กับประชาคมโลกได้รับทราบ
• ประการที่สอง กระทรวงการต่างประเทศต้องนำคณะทูตและสื่อมวลชนต่างประเทศมาสังเกตการณ์และประเมินผลจากการปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อให้คนเหล่านั้นได้เห็นกับตา
• ประการที่สาม การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ฝ่ายไทยต้องการเน้นประสิทธิภาพของการสื่อสารที่สะท้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพื่อจะได้สื่อสารต่อชาวโลก ถึงความเสียหายต่อบ้านเรือนประชาชนโรงพยาบาล โรงเรียน และที่สาธารณะต่าง ๆ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้นและพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ หลักการสิทธิมนุษยชน และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ทำให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และต้องอพยพไปยังศูนย์พักพิงกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นคน
ผลลัพธ์
• ผลที่ได้รับภายหลังจากที่คณะทูตได้รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 คณะฯ ได้ไปสังเกตการณ์ในหลายสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีดังกล่าว ได้แก่
• (1) ร้านสะดวกซื้อ ที่ตั้งอยู่ภายในสถานีบริการน้ำมันที่ จ. ศรีสะเกษ ซึ่งได้รับความเสียหายจากการโจมตีด้วยจรวดจากฝั่งกัมพูชา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 8 ราย ซึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นแม่กับลูก 3 คน ที่เข้าไปในร้านสะดวกซื้อและไม่ได้กลับออกมาอีก (2) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บ้านซำเม็ง ที่ถูกโจมตีเสียหาย และ (3) ศูนย์พักพิงชั่วคราวแห่งหนึ่งในอำเภอกันทรลักษ์ ที่ยังให้การดูแลประชาชนกว่า 5,000 คน
• การลงพื้นที่ในวันนี้ของไทยเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้คณะทูตและสื่อมวลชนจำนวนมากที่เข้าร่วม ได้เห็นถึงความโปร่งใสของผู้จัดและข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทุกพื้นที่ที่เราไป ฝ่ายไทยก็คำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของคณะด้วย
• การลงพื้นที่ของฝ่ายไทยเน้นความโปร่งใส หากเปรียบเทียบกับฝ่ายกัมพูชา โดยในการสังเกตการณ์ทุกพื้นที่ สื่อมวลชนสามารถติดตามและถ่ายทอดสดได้ตลอดเวลา อีกทั้งคณะทูตยังได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับครอบครัวของผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เห็นความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐานและผลกระทบต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะผลกระทบด้านจิตใจที่ประชาชนต้องอพยพออกจากบ้านตนเอง
• นอกจากนี้ คณะทูตและผู้ช่วยทูตทหารทุกท่านต่างแสดงความขอบคุณรัฐบาลไทยที่จัดการลงพื้นที่ด้วยความจริงใจและความโปร่งใสในครั้งนี้
• สุดท้ายนี้ ขอย้ำว่าประเทศไทยดำเนินการทุกอย่างในกรอบกติกา เรายึดมั่นในหลักการและกฏหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด ตามที่ประชาคมโลกได้เห็นแล้วจากการลงพื้นที่ในวันนี้ ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า สุดท้ายแล้ว ความจริงจะชนะทุกอย่าง
#TruthfromThailand
#Unite4Thailand
#TruthUltimatelyWins