SoftPower เสนอขึ้นทะเบียน “ผ้าขาวม้า” ต่อองค์การยูเนสโก

     สำหรับคนไทยแล้วผ้าขาวม้า ถือเป็นผ้าสารพัดประโยชน์ ที่ผูกพันแน่นแฟ้นและอยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน บางคนอาจคิดว่าผ้าขาวม้าเหมือนกันทุกที่ แต่แท้จริงแล้วเอกลักษณ์ของผ้าขาวม้า ในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันออกไป จุดนี้เองทำให้ ผ้าขาวม้าไทย ถูกเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Intangible cultural heritage) ต่อองค์การยูเนสโก (UNESCO)

     และเมื่อไม่นานมานี้มีการนำ “ผ้าขาวม้า” ร่วมเป็นหนึ่งใน Soft Power ของประเทศไทย ไปจัดแสดงในงาน World Dance Day 2023 ที่กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้นำผ้าขาวม้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดโอกาสให้เยาวชนแต่ละประเทศ ได้แสดงความสามารถทางศิลปวัฒนธรรม ผ่านแสดง 2 ชุด ประกอบด้วย การแสดงชุดเคียนขะม้านารี ใช้ผ้าขาวม้าเป็นองค์ประกอบหลักสำหรับการแสดง บอกเล่าเรื่องราวของผ้าขาวม้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันของคนไทย จนเป็นเอกลักษณ์ของไทย และการแสดงชุดผืนไท เป็นการแสดงท่ารำและการแต่งกายของคนไทยที่ใช้ผ้าขาวม้าในทุกภูมิภาค สื่อให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขร่มเย็น ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์

     ด้วยความอเนกประสงค์ของผ้าขาวม้านี้เอง ทำให้ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยเสนอให้ “ผ้าขาวม้า” เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อองค์การยูเนสโก โดยพิจารณาจากคุณค่าของผ้าขาวม้าในหลายมิติ ทั้งการใช้ประโยชน์ที่แพร่หลายในทุกภาคและชุมชน รวมถึงในชาติพันธุ์ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น

     โดยเฉพาะการเป็นผ้าสารพัดประโยชน์เข้าถึงง่าย และผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทยหลายด้าน มีการทอผ้าใช้กันเองในครัวเรือน แลกเปลี่ยนในหมู่บ้านและชุมชนไปจนถึงเป็นของขวัญ และใช้ในงานพิธีกรรมต่าง ๆ มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชี้ว่าผ้าขาวม้า มีมาตั้งแต่สมัยเชียงแสน ผ่านการปรับปรุงต่อยอดภูมิปัญญา พัฒนาคุณภาพให้ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายขึ้นจนถึงปัจจุบัน

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

 

 


ความคิดเห็น

สงวนลิขสิทธิ์ 2022 โดย กรมประชาสัมพันธ์
สถิติการเข้าชม : 69,253,720