กรมประชาสัมพันธ์ ศึกษาศูนย์อาเบโนะ โอซากา ต่อยอดการสื่อสารรับมือภัยพิบัติ
ญี่ปุ่นเผชิญเหตุแผ่นดินไหวเฉลี่ยกว่าพันครั้งต่อปี ขณะที่ประเทศไทยก็มีภัยพิบัติ ทั้งแผ่นดินไหวและอุทกภัยเกิดขึ้นแทบทุกปี ทำให้การพัฒนาระบบสื่อสารเพื่อเตือนภัยและสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนเป็นภารกิจจำเป็นเร่งด่วน
วันที่ 11 กันยายน 2568 กรมประชาสัมพันธ์ นำโดย นางสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พร้อมคณะ ได้เข้าเยี่ยมชมและศึกษาการดำเนินงานของ ศูนย์ป้องกันภัยพิบัติอาเบโนะ เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น โดยมี นายฟุจิโอกะ วาตารุ หัวหน้าศูนย์ฯ นำชมการสาธิตระบบการจัดการภัยพิบัติ ซึ่งศูนย์แห่งนี้ถือเป็นต้นแบบด้านการเรียนรู้และการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติของญี่ปุ่น มุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจและทักษะเชิงประสบการณ์ให้ประชาชนผ่านกิจกรรมเชิงปฏิบัติและการจำลองสถานการณ์จริง อาทิ การฝึกเอาตัวรอดจากแผ่นดินไหว การฝึกดับเพลิง และการจำลองลมพายุและควันไฟด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง (AR/VR)
ในโอกาสนี้ นางสุดฤทัย ได้หารือและแลกเปลี่ยนมุมมองกับหัวหน้าศูนย์ฯ เกี่ยวกับแนวทางการจัดการภัยพิบัติและการสื่อสารกับสาธารณชน เมื่อเกิดเหตุ โดยเฉพาะการสร้างความตระหนักรู้และการเตรียมพร้อมของประชาชน ตลอดจนการบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารในภาวะวิกฤติให้ถูกต้อง รวดเร็ว และครอบคลุม ซึ่งประเทศไทยเองก็เคยประสบเหตุการณ์รุนแรงเมื่อ วันที่ 28 มีนาคม 2568 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ริกเตอร์ มีศูนย์กลางอยู่บริเวณเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา ส่งผลให้หลายจังหวัดของไทย โดยเฉพาะภาคเหนือและกรุงเทพมหานครรับรู้แรงสั่นสะเทือน และเกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง รวมถึงเหตุอาคารถล่มในพื้นที่จตุจักร กรุงเทพมหานคร มีผู้เสียชีวิตหลายราย ในห้วงเวลานั้น กรมประชาสัมพันธ์ได้ใช้สถานีโทรทัศน์ NBT เป็นแม่ข่ายในการกระจายข้อมูลข่าวสาร ไปยังทุกแพลตฟอร์มทั่วประเทศอย่างทันท่วงที เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลสำคัญและปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง
ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือแนวทางความร่วมมือในอนาคต อาทิ การฝึกอบรมบุคลากร การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ และการพัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์ที่สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการสื่อสารในสถานการณ์ภัยพิบัติ โดยนำองค์ความรู้และประสบการณ์จากศูนย์อาเบโนะมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนารูปแบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในภาวะวิกฤติ
การศึกษาดูงานครั้งนี้ไม่เพียงตอกย้ำบทบาทของกรมประชาสัมพันธ์ในฐานะ ศูนย์กลางข้อมูลของประเทศ ที่พร้อมส่งต่อข้อมูลข่าวสารสำคัญสู่ประชาชนในยามวิกฤติ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อยอดองค์ความรู้จากต่างประเทศมาประยุกต์ใช้ในระบบการสื่อสารสาธารณะของไทย เพื่อให้สามารถเตรียมพร้อมและรับมือกับภัยพิบัติทุกรูปแบบได้อย่างเป็นระบบ และสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่าข้อมูลที่ได้รับจะถูกต้อง รวดเร็ว และครอบคลุมทุกมิติ
///////