การเปิดการเจรจาทางธุรกิจ และให้คำปรึกษาด้านการลงทุนทางธุรกิจระหว่างไทย - เกาหลี ถือเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อช่วยสนับสนุนให้เกิดคลื่นการลงทุนลูกใหม่ในประเทศไทย เพื่อลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ทั้งสองประเทศมีความสนใจร่วมกัน
โดยอุตสาหกรรมที่เกาหลีมีความเชี่ยวชาญ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), เซมิคอนดักเตอร์, ระบบอัตโนมัติ, เทคโนโลยีชีวภาพ, ดิจิทัล โดยเฉพาะการพัฒนาเกมและระบบอัจฉริยะใน Smart City รวมทั้งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ซึ่งไทยถือเป็นประเทศที่มีความพร้อม และมีศักยภาพ ทั้งในแง่ที่ตั้ง ซึ่งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของภูมิภาค มีระบบโลจิสติกส์เชื่อมโยงกับประเทศต่าง ๆ มีโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีบริษัทเกาหลีตั้งอยู่จำนวนมาก อีกทั้งมีซัพพลายเชน ที่ครบวงจร
นอกจากนี้ภาครัฐ มีมาตรการสนับสนุน และสิทธิประโยชน์จากการเข้ามาลงทุน มีขีดความสามารถในการจัดหาพลังงานสะอาดให้กับภาคอุตสาหกรรม เพื่อช่วยให้บริษัทชั้นนำของเกาหลีสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนที่ตั้งไว้ได้ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ที่ประเทศไทยเข้าร่วม
ส่งผลให้ประเทศไทยสามารถเป็นสะพานเชื่อมนักลงทุนเกาหลีกับภูมิภาคอาเซียน เพื่อดึงการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งกลุ่มบริษัทเกาหลีที่มีฐานการผลิตในไทยอยู่แล้ว ยังมองเห็นโอกาส และข้อได้เปรียบ ในการเข้ามาจัดตั้งสำนักงานภูมิภาค (Regional Headquarter) และศูนย์วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ในประเทศไทย ซึ่งมีมาตรการเตรียมพร้อมบุคลากรเพื่อรองรับธุรกิจทั้งสองสาขา ซึ่งจะช่วยทำให้ฐานธุรกิจของเกาหลีในประเทศไทยมีประสิทธิภาพ และมีความมั่นคงในระยะยาว
ทั้งนี้ บริษัทรายใหญ่ หรือกลุ่มแชโบล (Chaebol) จากเกาหลี เช่น Samsung, LG Corporation, POSCO, Hanwha Group, Hansol Group ถือเป็นคลื่นการลงทุนลูกแรกจากเกาหลี ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากกว่า 30 ปี และยังคงขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันมีบริษัทเกาหลีมากกว่า 400 ราย ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา และมีโครงการลงทุนอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 30 โครงการ เป็นเงินลงทุนราว 5 พันล้านบาท ต่อปี
แหล่งที่มา : สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
เลขที่ 1 ถนนนครปฐม เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300
เบอร์ติดต่อ :0 2280 9000
เวลามาตรฐาน (Standard Time) ประจำถิ่นของแต่ละประเทศ มีมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 19 เพื่อขจัดความสับสนจากการจับเวลาตามแสงอาทิตย์ การกำหนดเวลามาตรฐานท้องถิ่นมีความจำเป็นมากขึ้นเมื่อมีการเดินรถไฟในปี 2383
ประเทศไทย มีเสน่ห์สำหรับการท่องเที่ยวในทุกฤดู หากนักท่องเที่ยววางแผนหรือศึกษาข้อมูลของภูมิประเทศ และภูมิอากาศของประเทศไทยมาล่วงหน้า
ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้มีภูมิอากาศแบบร้อนชื้น อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ระหว่าง 18 - 38 องศาเซลเซียส มีช่วงฤดูร้อนยาวนานประมาณ 3 เดือน โดยอากาศจะร้อนที่สุดช่วงกลางเดือนเมษายน หลังจากนั้นภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมทำให้ประเทศไทย
TH
CN
EN
DE
JP