การเสียภาษีของนิติบุคคลจะถูกคำนวณจากเงินได้ที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษี โดยฐานภาษีเงินได้ของนิติบุคคลนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ลักษณะ คือ กำไรสุทธิ, การจำหน่ายเงินกำไรออกไปจากประเทศไทย, เงินที่จ่ายจากหรือในประเทศ และยอดรายได้ก่อนหักรายจ่าย
ภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่คำนวณจากยอดรายได้ก่อนหักรายจ่าย โดยนิติบุคคลที่มีหน้าที่เสียภาษี ได้แก่ กิจการขนส่งระหว่างประเทศของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศ และมูลนิธิ หรือสมาคมที่ประกอบกิจการแล้วมีรายได้ มีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
ฐานภาษีสำหรับการให้บริการรับขนคนโดยสาร ซึ่งต้องนำไปรวมคำนวณเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้คำนวณจากมูลค่าของค่าโดยสารที่ได้รับ หรือพึงได้รับ สำหรับระยะทางจากต้นทางถึงปลายทางตามที่ระบุในตั๋วโดยสาร รวมถึงค่าธรรมเนียมและผลประโยชน์อื่นใด ที่เรียกเก็บจากคนโดยสาร อันเนื่องมาจากการให้บริการรับขนคนโดยสาร ไม่ว่าบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น จะให้บริการรับขนเองทั้งหมด หรือให้ผู้ประกอบการอื่นรับขนส่งช่วงให้
ฐานภาษี สำหรับการให้บริการรับขนสินค้า ซึ่งต้องนำไปรวมคำนวณเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้คำนวณ จากมูลค่าของค่าระวางที่ได้รับ หรือพึงได้รับ สำหรับระยะทางจากต้นทางถึงปลายทางตามที่ระบุในแอร์เวย์บิล
รับขนสินค้าโดยอากาศยาน หรือสำหรับระยะทางถึงปลายทางตามที่ระบุใน Bill of Lading ในกรณีรับขน สินค้าโดยเรือทะเล รวมถึงค่าธรรมเนียมและประโยชน์อื่นใดที่ เรียกเก็บจากผู้รับบริการอันเนื่องมาจากการให้บริการรับขนสินค้า ไม่ว่าสายการบิน หรือสายการเดินเรือนั้น จะให้บริการรับขนเองทั้งหมด หรือให้ผู้ประกอบการอื่นรับขนส่งช่วงให้
มูลนิธิ หรือสมาคมใด มิได้จดทะเบียนการจัดตั้งให้ถูกต้องตามกฎหมาย จะมีฐานะเป็นเพียงคณะบุคคล ซึ่งอาจจะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เช่น บริษัทจัดตั้งสโมสรสำหรับพนักงาน เพื่อดำเนินกิจกรรม สันทนาการสำหรับพนักงาน หรือนักศึกษาจัดตั้งสโมสร หรือชมรมต่าง ๆ โดยไม่ได้ผูกพันกับนิติบุคคลใดโดยเฉพาะ ย่อมมีฐานะเป็นห้างหุ้นส่วน หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ซึ่งจะต้องเสียภาษีเงินได้อย่างบุคคลธรรมดา แม้ว่าจะไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้า หรือเพื่อที่จะแบ่งปันกำไรก็ตาม
รายได้ของมูลนิธิ หรือสมาคม ที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล จะรวมถึงรายได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะได้มาจากทางใด ๆ เช่น รายได้จากการขายสินค้าและบริการ ดอกเบี้ย ค่าเช่า เงินปันผล ฯลฯ
รายได้ของมูลนิธิหรือสมาคมที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 65 ทวิ (13) ได้แก่
การยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่มูลนิธิ หรือสมาคม เฉพาะเงินได้จากกิจการโรงเรียนเอกชน ซึ่งได้ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงเงินได้จากการขายของ การรับจ้างทำของ หรือการให้บริการอื่นใด ที่โรงเรียนเอกชนซึ่งเป็นโรงเรียนประเภทอาชีวศึกษา ได้รับจากผู้ซึ่งมิใช่นักเรียน (มาตรา 5 นว แห่งพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2500)
มูลนิธิและสมาคม ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ดังนี้
การคำนวณภาษีเงินได้ของมูลนิธิ หรือสมาคม จะต้องคำนวณตามรอบระยะเวลาบัญชีด้วย
การยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี
ข้อมูล ณ วันที่ 5 มกราคม 2564
แหล่งที่มา : กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
เบอร์ติดต่อ : 0 2272 8000