เป้าหมายการยกระดับการพัฒนาประเทศไทยไปสู่ยุค “ไทยแลนด์ 4.0” ทำให้พื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ได้เวลาปรับโฉมพื้นที่ “อีสเทิร์นซีบอร์ด“ แห่งนี้ครั้งใหญ่จากเดิมที่เคยเปลี่ยนจากสังคมเกษตรกรรมมาสู่ยุคอุตสาหกรรม กำลังกลายเป็นพื้นที่การลงทุนขนาดใหญ่ภายใต้ 8 แผนการพัฒนาพื้นที่ ประกอบด้วย
1. แผนปฏิบัติการการพัฒนาโครงสร้างพื้นที่ฐาน
2. แผนปฏิบัติการการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย
3. แผนปฏิบัติการการพัฒนาบุคลากร การศึกษาการวิจัย และเทคโนโลยี
4. แผนปฏิบัติการการพัฒนา และส่งเสริมการท่องเที่ยว
5. แผนปฏิบัติการการพัฒนาเมืองใหม่ และชุมชน
6. แผนปฏิบัติการการพัฒนาศูนย์กลางธุรกิจ และศูนย์กลางการเงิน
7. แผนปฏิบัติการการประชาสัมพันธ์ และการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการกับประชาชน
8. แผนปฏิบัติการการเกษตร ชลประทาน และสิ่งแวดล้อม
พร้อมกับยังมีการกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ได้รับการส่งเสริมเพื่อให้เกิดการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม และพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจซึ่งจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต
โดยอุตสาหกรรมเป้าหมายในอีอีซี ประกอบด้วยดังนี้
ช่วงปี 2566-2570 รัฐบาลจัดงบประมาณ 3.37 แสนล้านบาท สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภครวม 77 โครงการ สร้างโครงข่ายคมนาคมที่ไร้รอยต่อทั้งทางถนน ทางน้ำ และทางอากาศซึ่งจะทำให้อีอีซีเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของไทย-อาเซียน ในอนาคต เกิดการสร้างงานอีก 1 แสนตำแหน่งใน 5 ปี และสามารถลดต้นทุนโลจิสติกส์ได้ 16% รวมทั้งก่อนหน้านี้ยังมี ”อุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ“ ในพื้นที่ส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ดังนี้
การต่อยอดจากอุตสาหกรรมเดิม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม (FIRST S-CURVE) จำนวน 5 ประเภทอุตสาหกรรม คือ
(1) อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่
(2) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ
(3) อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี/การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
(4) อุตสาหกรรมการเกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ
(5) อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร
อุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อยกระดับมูลค่าอุตสาหกรรม (NEW S-CURVE) จำนวน 5 ประเภทอุตสาหกรรม ได้แก่
(1) อุตสาหกรรมหุ่นยนต์
(2) อุตสาหกรรมการบิน และโลจิสติกส์
(3) อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ
(4) อุตสาหกรรมดิจิทัล
(5) อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร
อุตสาหกรรมเพื่อกิจการพิเศษ จำนวน 2 ประเภทอุตสาหกรรม ได้แก่
(1) อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
(2) อุตสาหกรรมพัฒนาบุคลากร และการศึกษา
สำหรับผู้ประสงค์จัดตั้ง หรือขยายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ต้องมีคุณสมบัติและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่กำหนด ดังนี้
คุณสมบัติของผู้เสนอโครงการจัดตั้งหรือขยายเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
1. เป็นนิติบุคคลไทย
2. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครอง หรือหลักฐานแสดงการได้มาซึ่งสิทธิครอบครอง หรือหนังสือยินยอมจากเจ้าของที่ดินให้ดำเนินการพัฒนาพื้นที่เป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจัดตั้งหรือขยายเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ผู้เสนอโครงการฯต้องระบุรูปแบบการขอจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ดังนี้
1. เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ
2. เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการอุตสาหกรรม
2.1 รูปแบบนิคมอุตสาหกรรม
2.2 รูปแบบการพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษเฉพาะด้าน (Cluster)
การยื่นคำขอและเอกสารประกอบ มีดังนี้
โครงการจัดตั้งหรือขยายเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
1. สำเนาโฉนดที่ดิน หรือสำเนาหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน หรือหลักฐานการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองในที่ดิน (สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน) ที่เจ้าของที่ดินยินยอมให้ดำเนินการเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษได้ (โดยระบุไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน)
2. สำเนาระวางที่ดินของสำนักงานที่ดิน
3. บัญชีโฉนดที่ดิน
4. แผนที่มาตราส่วน 1 : 50,000 แสดงตำแหน่งที่ตั้งของพื้นที่โครงการ และบริเวณโดยรอบ (ขนาดเท่ามาตราส่วนจริง)
5.รายละเอียดโครงการ วัตถุประสงค์ รูปแบบเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ประเภทของอุตสาหกรรมหรือกิจการที่จะส่งเสริมในพื้นที่
6. แนวคิดการออกแบบระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกเบื้องต้น (Conceptual design)
7. แผนผังแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดิน (Land Use Plan)
8. แผนการพัฒนาโครงการ แผนการขายหรือให้เช่าพื้นที่
9. แผนการลงทุน แผนการเงิน แหล่งเงินทุน และการวิเคราะห์ผลตอบแทนโครงการ
10. รายละเอียดข้อมูลทางด้านสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น
11. แผนที่โครงการบริเวณกรอบพื้นที่ที่ได้รับความเห็นชอบรายงาน EIA จาก สผ. พร้อมแผนที่โครงการที่ขอขยายในมาตราส่วนเดียวกัน (กรณีการขอขยายพื้นที่)
12. ผังเมืองปัจจุบัน โดยระบุขอบเขตพื้นที่ที่ขอจัดตั้ง หรือขยายให้ชัดเจน
13. หนังสือรับทราบการนำที่ดินมาใช้ดำเนินโครงการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ หรือนิคมอุตสาหกรรมจากหน่วยงานซึ่งดูแลพื้นที่
14. หนังสือสนับสนุนการใช้น้ำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น การประปาส่วนภูมิภาค กรมชลประทาน บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) บริษัท จัดสรรน้ำในโครงการ ฯลฯ
15.เอกสารอื่น ๆ ที่จำเป็น และเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาโครงการ
รายละเอียดผู้ยื่นคำขอจัดตั้งหรือขยายเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ มีดังนี้
1. สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวง พาณิชย์ และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ออกให้ไม่เกิน 6 เดือน ก่อนวันยื่นคำขอ
2. งบการเงินที่ได้รับการรับรองจากผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาต ย้อนหลัง 3 ปี (ถ้ามี)
ทั้งนี้ ไม่ได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับงบลงทุนตั้งต้นในการจัดตั้ง หรือขยายเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ แต่จะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ดังนี้
สิทธิประโยชน์การลงทุนในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
1) สิทธิประโยชน์ทางภาษีตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมการลงทุน
• ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบางกิจกรรมได้นานสูงสุด 13 ปี
- กลุ่ม A1+ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 2 ปี (มี R&D HRD)
- กลุ่ม A1-A4 ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เพิ่มอีก 3 ปี (มี R&D HRD)
- กลุ่ม A1+ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 1 ปี
- กลุ่ม A1-A4 ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เพิ่มอีก 2 ปี
• ยกเว้นอากรนำเข้าเครื่องจักร
• ยกเว้นอากรวัตถุดิบนำเข้าสำหรับการผลิตเพื่อการส่งออก และการวิจัยและพัฒนา
• เงินกองทุนสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมาย ตาม พรบ. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
2) สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามประกาศกระทรวงการคลัง
• อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 17% สำหรับผู้เชี่ยวชาญต่างชาติที่เข้ามาทำงานในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ อัตราภาษีเงินได้ 15% สำหรับผู้บริหารต่างชาติที่ทำงาน โดยมีการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ หรือสำนักงานการค้าระหว่างประเทศในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
• สามารถหักค่าใช้จ่ายจากการลงทุน วิจัย พัฒนา และนวัตกรรม ได้สูงสุด 300% ผ่านการรับรองโครงการจาก สวทช.
3) สิทธิพิเศษเฉพาะเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
การถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน/อาคารชุด/ระยะเวลาการเช่า
การนำคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร
ธุรกรรมการเงิน
สิทธิประโยชน์อื่น
4) ศูนย์การให้บริการเบ็ดเสร็จครบวงจร (One Stop Service)
เพื่ออำนวยความสะดวกการลงทุนในการอนุมัติอนุญาตตามกฎหมาย มีดังนี้
• กฎหมายว่าด้วยการขุดดิน และการถมดิน
• กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
• กฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนเครื่องจักร
• กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข
• กฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
• กฎหมายว่าด้วยทะเบียนพาณิชย์
• กฎหมายว่าด้วยโรงงาน
• กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน
สถานที่ติดต่อ : สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ชั้น 25 อาคาร กสท. โทรคมนาคม 72 ซอยวัดม่วงแค ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์ : 0 2033 8000
ช่องทางติดต่อออนไลน์ : เว็บไซต์ : https://eeco.or.th
เวลาทำการ : จันทร์-ศุกร์ : 08.30-16.30 น.
ที่มา : EEC
เบอร์โทรศัพท์ : +66 2033 8000