รัฐบาลประกาศแผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษรูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อเรียกว่า “ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภูมิภาค” ซึ่งแบ่งตามพื้นต่าง ๆ โดยนำเอาอัตลักษณ์ความโดดเด่น และจุดแข็งของแต่ละพื้นที่เป็นจุดขายพร้อมกับนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาต่อยอดเพื่อขยายโอกาสการค้าการลงทุนนำไปสู่การกระจายอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้ได้อย่างทั่วถึงสามารถลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนสร้างความมั่นคงในพื้นที่ และเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันที่สามารถเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านโดยได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ภูมิภาค ดังนี้
1. ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Northern Economic Corridor : NEC-Creative LANNA)
- ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และลำพูน มุ่งพัฒนาเป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์หลักของประเทศอย่างยั่งยืน
- ส่งเสริมคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร
2. ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Northeastern Economic Corridor : NeEC-Bioeconomy)
- ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย โดยมุ่งพัฒนาเป็นฐานอุตสาหกรรมชีวภาพแห่งใหม่ของประเทศด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ตลอดห่วงโซ่การผลิต
- ส่งเสริมคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อุตสาหกรรมชีวภาพ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร
3. ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง-ตะวันตก (Central-Western Economic Corridor : CWEC)
- ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และนครปฐม มุ่งเน้นพัฒนาเป็นฐานเศรษฐกิจชั้นนำด้านอุตสาหกรรมเกษตร การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมไฮเทคมูลค่าสูง เชื่อมโยงกับ กทม. และพื้นที่โดยรอบ และ EEC
- ส่งเสริมคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
4. ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (Southern Economic Corridor: SEC)
- ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช มุ่งเน้นพัฒนาเป็นศูนย์กลางของภาคใต้ ในการเชื่อมโยงการค้า และโลจิสติกส์กับพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศ และภูมิภาคฝั่งทะเลอันดามัน (BIMSTEC) เป็นฐานการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพ และการแปรรูปเกษตรมูลค่าสูง และเพื่อยกระดับคุณภาพ และมาตรฐานการท่องเที่ยวสู่นานาชาติ
- ส่งเสริมคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมชีวภาพ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism)
มาตรการขับเคลื่อนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ มีองค์ประกอบการ 5 ด้าน ดังนี้
1) การให้สิทธิประโยชน์ และการอำนวยความสะดวกการลงทุน
2) การพัฒนาห่วงโซ่การผลิต และบริการ
3) การวิจัยและพัฒนา และการถ่ายทอดเทคโนโลยี
4) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
5) การพัฒนาแรงงาน และสนับสนุนผู้ประกอบการ
มาตรการส่งเสริมการลงทุน และสิทธิประโยชน์
● มาตรการทางภาษี
- กลุ่ม A1+ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 2 ปี (มีเงื่อนไข HRD หรือ R&D)
- กลุ่ม A1-A4 ลดหย่อนภาษีเงินได้ 50% เพิ่มอีก 3 ปี
- ยกเว้นอาการขาเข้าเครื่องจักร
- ยกเว้นอาการขาเข้าวัตถุดิบผลิตเพื่อส่งออก
● มาตรการมิใช่ภาษี
- การถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม
- การนำเข้าผู้เชี่ยวชาญต่างชาติได้
- อนุญาตให้ใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือ
- มีการฝึกอบรมแรงงานไทย และต่างด้าว
หลักเกณฑ์การขออนุญาตโครงการ
- เป็นโครงการที่มีประเภทกิจการให้การส่งเสริมอยู่ขณะยื่นเรื่อง และพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามประเภทกิจการ
- มีเงินทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดินและเงินทุนหมุนเวียน)
- ต้องใช้กรรมวิธีการผลิตที่ทันสมัย
- ลงทุนเครื่องจักรใหม่ทั้งสายการผลิต
- มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจดทะเบียนไม่เกิน 3 ต่อ 1 ใน โครงการริเริ่ม ส่วนโครงการขยายพิจารณารายกรณี
- ต้องมีมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่า 20% ของรายได้ ยกเว้นกิจการเกษตร กิจการอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน กิจการตัดโลหะ ต้องมีมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่า 10% ของรายได้
- มีมาตรการป้องกัน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน
1.ช่องทางการยื่นคำขอ
- ผ่านระบบการยื่นคำขอ Online : www.boi.go.th ระบบ E-Investment สำหรับคำขอตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนปกติ
- ยื่นเป็นเอกสารที่สำนักงาน/ระบบงานรับส่งเอกสารออนไลน์ (E-Submission) สำหรับมาตรการ หรือนโยบายพิเศษต่าง ๆ
- One Start One Stop Investment Center : OSOS
2.เอกสารประกอบการยื่นคำขอ :
2.1 แบบคำขอรับการส่งเสริม จำนวน 2 ชุด
กรณียื่นคำขอในนามบุคคลธรรมดา : แสดงบัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทางของผู้ขอรับการส่งเสริม
กรณียื่นคำขอในนามนิติบุคคล :
● สำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคลฉบับล่าสุด มีอายุไม่เกิน 6 เดือน
● สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นฉบับล่าสุด (บอจ.5) หรือรายงานการกระจายการถือหุ้น
● สำเนางบการเงินปีล่าสุด (ถ้ามี)
กรณีมีการมอบอำนาจ :
● หนังสือมอบอำนาจที่ติดอากรแสตมป์แล้ว
● สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทางของผู้มอบอำนาจพร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
● แสดงบัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทางของผู้รับมอบอำนาจ
สถานที่ติดต่อ : สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 555 ถนน วิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
โทรศัพท์ : 0 2553 8111 โทรสาร : 0 2553 8315
อีเมล :
สอบถามข้อมูล head@boi.go.th
สารบรรณกลาง saraban@boi.go.th


ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 555
เบอร์โทรศัพท์ : 02-553-8111