ไทยฟื้นการเจรจา FTA กับสหภาพยุโรป ตั้งเป้าบรรลุข้อตกลงปี 68

     ประเทศไทย กับสหภาพยุโรป 27 ประเทศ ประกาศร่วมกันอย่างเป็นทางการ เริ่มนับหนึ่งการจัดทำเขตการค้าเสรี (Free Trade Area : FTA) ไทย-สหภาพยุโรป (ไทย – อียู) หลังจากการเจรจาได้หยุดชะงักไปกว่า 10 ปี ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะเริ่มการเจรจานัดแรกในเดือน ก.ค. 2566 และวางเป้าหมายการเจรจาแล้วเสร็จภายใน 2 ปี หรือปี 2568  ทั้งประเด็นการค้าสินค้า บริการ และการลงทุนระหว่างกัน

     หากการเจรจา FTA ไทย – อียู บรรลุข้อตกลง ฝ่ายไทยจะได้รับประโยชน์ คือ 

  1. เมื่อมีผลบังคับใช้ ภาษีการส่งออกสินค้าไทยไปสหภาพยุโรป 27 ประเทศ จะเป็นศูนย์ สามารถแข่งขันด้านราคา และมีแต้มต่อกับประเทศที่ไม่ได้ทำ FTA กับอียู เช่น ยานยนต์และส่วนประกอบ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ, เสื้อผ้าสิ่งทอ, อาหาร, ยางพารา, เคมีภัณฑ์และพลาสติก  
  2. ภาคบริการ จะได้สิทธิพิเศษ ที่ไทยมีความเชี่ยวชาญหลายด้าน เช่น ค้าส่ง – ค้าปลีก, การผลิตอาหาร และการท่องเที่ยว   
  3. การนำเข้าวัตถุดิบ ภาษีจะเป็นศูนย์ จะช่วยลดต้นทุนภาคการผลิตของไทย  โดยเฉพาะการนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์ และเคมีภัณฑ์ 
  4. การแลกเปลี่ยนการลงทุนระหว่างกันของทั้ง 2 ฝ่าย ไทยจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม 
  5. มีส่วนสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกมาลงทุนในไทย เพิ่มมูลค่าการลงทุน เพิ่มจีดีพีให้ประเทศ 
  6. ทำให้ไทยเพิ่มจำนวน FTA มากขึ้น จากปัจจุบันมี 14 ฉบับ กับ 18 ประเทศ จะเพิ่มเป็น 15 ฉบับ กับ 45 ประเทศ ในทันทีที่มีผลบังคับใช้ และถือว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่ 3 ในอาเซียน ที่สหภาพยุโรป 27 ประเทศ ตกลงทำ FTA ด้วย จากปัจจุบันมีประเทศเวียดนามและสิงคโปร์ ที่มี FTA กับอียู 

     ทั้งนี้ สหภาพยุโรป 27 ประเทศ มีประชากรรวมกัน ประมาณ 500,000,000 คน เป็นคู่ค้าสำคัญลำดับที่ 4 ของไทย มีสัดส่วนมูลค่าการค้ากับไทย 7% เมื่อไทยมูลค่าการค้าไทยกับทั่วโลก 

แหล่งที่มา : กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
เลขที่ 563 ถ.นนทบุรี ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
เบอร์ติดต่อ : 0 2507 7572 

ข้อมูลเพิ่มเติม


ความคิดเห็น

สงวนลิขสิทธิ์ 2022 โดย กรมประชาสัมพันธ์
สถิติการเข้าชม : 69,247,084